(Re-Run)Crypto Currency คืออะไรในระบบเศรษฐกิจ?
https://pantip.com/topic/37291349
ความคิดเห็นที่ 36
คุณหาข้อมูลมาพอสมควร พูดก็ครอบคลุมหลายอย่าง ทั้งๆที่มีความไม่ชอบใน crypto currency แบบนี้ น่าชื่นชม
แต่คุณกลับพลาดประเด็นสำคัญที่สุดที่ทำให้ crypto currency มีค่าไปเสียอย่างนั้น
คุณรู้จักวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ (ที่บ้านเราเรียกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์) ของสหรัฐอเมริกาใช่ไหม?
วิกฤตการทางเศรษฐกิจที่แบงค์ เอาเงินไปปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์มั่วซั่ว โดยอ้างว่าได้ดอกเบี้ยตอบแทนมั่นคง
คนแห่ไปลงทุนในเงินกู้อสังหาริมทรัพย์กันมหาศาล แบงค์รวยอื้อซ่าจากการสอดไส้อสังหาฯที่เป็นหนี้เน่าๆ
จนเมื่อถึงจุดหนึ่งนายแบงค์แต่ละคนรวยกันอื้อซ่า แต่ตัวแบงค์เองหาเงินจ่ายคืนประชาชนไม่ได้ เพราะหนี้เน่ามันมหาศาลจัดๆ
รัฐบาลก็ออกมาอุ้มแบงค์ด้วยวิธีการ 'พิมพ์ธนบัตร' ออกมาจ่ายหนี้ให้แบงค์กันดื้อๆ
พิมพ์เงินกระดาษเพิ่ม ทรัพยากรเท่าเดิม ขนาดเศรษฐกิจเท่าเดิม ความน่าเชื่อถือของธนบัตรมันต่ำลง
อำนาจของเงินมันก็ลดลง เงินที่อยู่ในมือประชาชนทั้งหมดก็ลดมูลค่าลง
คุณเห็นอะไรมั้ย?
ประชาชนโดนปล้น ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
แล้ววิกฤติสอดไส้อสังหาริมทรัพย์ครั้งนั้น แทบไม่มีใครโดนจับเข้าคุก
รัฐกับแบงค์ปล้นประชาชนกันหน้าด้านๆไง
ทุกวันนี้ เงินธนบัตรมันไม่ได้ถูกค้ำด้วยทองคำ คุณคงจะทราบ
มันถูกค้ำด้วยความเชื่อถือ และการที่มีคนยอมทำงานเพื่อแลกมัน
รัฐสามารถแย่งอำนาจของเงินไปจากมือประชาชนเมื่อไหร่ก็ได้ด้วยการพิมพ์เงินออกมา
เพราะเราไม่สามารถ 'เสก' ทรัพยากรออกมาได้เหมือนเงิน
การที่มีเงินมากขึ้น มูลค่าของเงินมันก็ลดลง
ถ้าคุณใช้เงินของรัฐ รัฐก็ปล้นคุณได้
แล้วปัญหา รัฐ ปล้นประชาชน นี้ไม่ได้พูดกันเล่นๆ มันเคยเกิดขึ้นจริงแล้ว
ดูอย่างในประเทศซิมบับเว หรือเวเนซูเอล่าก็ได้ นั่นคือเคส extreme ที่รัฐพิมพ์เงินออกมามหาศาล
จนเงินตัวเองไม่มีค่า ประชาชนแทบไม่สามารถสะสมทรัพสินย์ของตัวเองได้เลย
เพราะมูลค่าของเงินนั้นลดลงฮวบฮาบตลอดเวลา.
ในระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่นี้
คุณจะเห็นว่าเงินทุกวันนี้มันเป็นแค่กระดาษ
หรือไม่ก็แค่ตัวเลขในคอมพิวเตอร์(ของธนาคาร) แค่นั้นจริงๆ
ถ้าคุณลองคิดดีๆอีกที จริงๆแล้ว เงินมันแค่สื่อกลางการแลกเปลี่ยน, เงินมันจะเป็นอะไรก็ได้
ขอแค่แลกเปลี่ยนได้ และมีคนยอมทำงานเพื่อแลกมันมา มันก็มีคุณสมบัติเป็นเงินได้
**
วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ แดงออกมาในช่วงเดือน กันยายน ปี 2008
Bitcoin ถือกำเนิดขึ้นมาในเดือน มกราคม ปี 2009, ในเวลา 5 เดือนถัดมา
พอจะเข้าใจหรือยังครับ?
ความคิดเห็นที่ 36-2
ใช่ครับ คุณสะสมความมั่งคั่งด้วยอะไรก็ได้ที่มีตัวตนอยู่จริง (ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีด้วย)
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ถ้าในเมื่อทุกวันนี้ยังมีคนสะสมความมั่งคั่งด้วยเงินกระดาษอยู่
หาก cryptocurrency เติบโตและมีเสถียรภาพแล้ว, คนกลุ่มนั้นก็สามารถสะสมเงินใน cryptocurrency ได้แทน, แต่มีความปลอดภัยจากรัฐบาลตัวเองมากกว่า เพราะไม่สามารถถูกควบคุมได้โดยกลุ่มคนใด
ถ้าคุณจะเปรียบเทียบเรื่องปล้นเป็นอย่างนั้น
งั้นตลาดหุ้นมันก็คือคนปล้นกันทั้งตลาด มีโบรกเกอร์เป็นหัวหน้าแก๊งน่ะสิ
การที่มูลค่า crypto ในทุกวันนี้วิ่งขึ้นลง และ มีคนได้เงินมีคนเสียเงิน
มันไม่เหมือนกับการโดนปล้น เพราะผู้ซื้อขาย เลือกจะรับความเสี่ยงเองโดยรู้อยู่ก่อน
ไม่ได้ถูกหลอกลวง หรือถูกมัดมือชกเหมือนกับชาวอเมริกันในวิกฤติซับไพรม์
มันคือสินทรัพย์ตัวหนึ่งไม่ต่างจากหุ้นนั่นแหละ
หุ้นพื้นฐานดีดีก็มี หุ้นพื้นฐานต่ำๆ ปั่นกันหน้ามืดหน้าดำมันก็มี
crypto มันก็มีที่พื้นฐานดี มีศักยภาพในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ได้จริง
แล้วก็มีตัวห่วยๆ สร้างมาปั่นทำกำไรเหมือนกัน.
ความคิดเห็นที่ 36-6
คุณอย่าจับข้อสรุปของคุณมายัดใส่ปากผมสิครับ
ผมไม่ได้บอกว่าระบบของ รัฐ นั้นไม่จำเป็น
มันยังคงเป็นสิ่งที่ต้องมีร่วมกันอยู่ และปรับตัวเปลี่ยนแปลงกันไป
ก่อนหน้านี้ นักร้อง ร้องเพลงมีรายได้ผ่านหลัก การขายเทป ขายแผ่นเสียง กับเวทีคอนเสิร์ทอีกนิดหน่อย
สมัยนี้เทคโนโลยี อินเตอร์เน็ท, การถ่ายทอดออนไลน์ มันมาแทนที่
รายได้จากการขายของมันก็หายไป นักร้องก็ปรับตัวหาทางอยู่กันใหม่ เริ่มเล่นคอนเสิร์ทมากขึ้น ขายสินค้าสะสมมากขึ้น
แต่ไม่ได้สูญพันธุ์จบสิ้นกันไปไหน
เพราะมนุษย์ยังต้องการฟังเพลงกันอยู่.
คล้ายกันครับ, หาก crypto currency เติบโตแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าระบบรัฐจะพินาศ
ค่าเงินของรัฐ ระบบสังคมของเรา เรายังต้องการมันอยู่
มันจะไม่ได้ตายจากไปไหน มันแค่จะลดบทบาทลง คอยผสมผสานกับสิ่งที่ crypto ทำไม่ได้
และเราก็แค่ต้องปรับตัวกันไป.
ความคิดเห็นที่ 36-7
36-4 พื้นฐานของมันคือ 'การเป็นสิ่งที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลอื่นได้ โดยไม่ถูกควบคุมโดยบุคคลกลุ่มใด'
มันเกิดขึ้นมาเพื่อเป็น เงิน
มูลค่าของมัน ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือ และระดับศักยภาพที่จะใช้แลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ได้
ใช่, มันตลก, มันไม่มีผลประกอบการ มันเป็นอากาศ มันจับต้องไม่ได้.
คนยังกินข้าว ไม่ได้กิน crypto
แต่จะบอกว่ามันไร้สาระหรือไม่.. คุณต้องเข้าใจระบบเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน
เมื่อก่อน เงิน ที่แท้จริงคือ ทองคำ
ธนบัตร คือ ตั๋วแลกทองคำ ที่คุณจะเอาไปแลก เงิน ที่แท้จริงของคุณคืนเมื่อไหร่ก็ได้
รัฐบาลจะพิมพ์ธนบัตร ต้องอ้างอิงมูลค่าจากทองคำที่ตัวเองมี
ธนบัตรทั้งหมดของรัฐบาล จะมีค่าเท่ากับทองคำที่ตัวเองมีเสมอ ไม่ว่าจะพิมพ์ออกมาเท่าไหร่ก็ตาม
แต่ทุกวันนี้ ธนบัตร ไม่ได้ผูกกับสิ่งใด, เป็นเพียงความเชื่อถือ (ผมไม่ได้พูดเล่น)
มีมูลค่า เพราะคน ยอมรับ ว่ามันใช้แลกเปลี่ยนได้
มูลค่าของมันถูกยืนยันด้วยการที่ พวกเราทั้งหลาย ยอมทำงาน เพื่อแลกกับมัน
ตัวมันเองจริงๆไม่ได้มีค่าอะไรเลย
แต่คนก็ยังให้ค่ามันได้
ด้วยหลักการเดียวกันนั้น crypto currency เอง จึงสามารถเป็น เงิน ได้เหมือนกัน
มันเติบโตขึ้นทุกวันนี้ เพราะมัน เริ่มจาก(เน้น) การที่มันมีคุณสมบัตรพื้นฐานของเงินอย่างครบถ้วน
ได้แก่ 1.แลกเปลี่ยนได้ 2.แบ่งแยกได้ 3.มีความเหมือนกันในทุกหน่วย 4.มีจำนวนจำกัด(ข้อนี้ เงินธนบัตรไม่มีด้วยซ้ำ)
บวกกับการที่มัน ไม่สามารถถูกควบคุมได้ ผู้ถือครองจึงสามารถมั่นใจได้ว่ามันปลอดภัย
ส่วนมูลค่าในทุกวันนี้ ก็ต้องพูดกันตามตรงว่ามันเป็นฟองสบู่
มันเติบโตรวดเร็วเกินไป ในขณะที่โลกของเรา ยังสร้างพื้นฐาน/ความยอมรับ ที่จะแลกเปลี่ยนมันเป็นสินทรัพย์จริง ให้มันไม่ทัน
และผมก็จะยอมรับว่าทุกวันนี้ผมซื้อขาย crypto เพราะผมอยากได้เงิน
อุดมการณ์ และ หลักการที่อธิบายไปนั้น เป็น 'ปัจจัยการตัดสินใจ' ของผม ที่รับรองว่ามันจะไม่สูญเปล่าไปได้โดยง่าย
ผมไม่มีความผูกพันธ์ทางอารมณ์ใดใดกับ crypto currency
ผมรู้ความเสี่ยงที่มันจะพังทลายลง และผมเลือกที่จะเสี่ยง
..หวังว่าจะตอบคำถามคุณได้
ความคิดเห็นที่ 36-10
36-8
ผมอ่านครับ
สิ่งที่คุณพูดนั้นมันไม่จริงต่างหาก
คุณสรุปโดยมองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่สังคมเราจะปรับตัว
เมื่อก่อน ตอนคนเริ่มโหลดเพลง/หนัง/การ์ตูน ผ่านอินเตอร์เน็ทได้ เขาก็พูดแบบคุณนี่แหละครับ
ศิลปินจะตายห่.ากันหมด
แต่มันก็ยังอยู่กันได้ด้วยการปรับตัว (แต่แน่นอนว่ามีความลำบาก ข้อดี-ข้อเสีย)
สมัยก่อน ทาส ก็เป็นโครงสร้างพื้นฐานของสังคม
เป็นแรงงาน เป็นกรรมกร เป็นพลเมืองที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบ
คนอย่างคุณ หลุดไปอยู่ในสมัยนั้นก็คงเป็นคนที่ต่อต้านการเลิกทาส โดยให้ว่ามันจะทำให้ 'รัฐพังพินาศ' นั่นแหละครับ
คุณคิดว่าประชาชนทุกคน - ทั้งผมและคุณ - จะโง่ มองไม่เห็นหรือครับว่าใครเป็นคนสร้างถนน ต่อสายไฟฟ้า และ คอยจับโจร?
เราสามารถมีระบบการจัดการการเงินในสังคมใหม่ได้อีกหลายรูปแบบ ที่ยังสามารถค้ำชูรัฐบาลได้
ตอนนี้ใจของคุณไม่เปิดกว้างที่จะคิดหาทางให้มัน เพราะคุณไม่ชอบมันมากกว่าครับ
ความคิดเห็นที่ 36-18
36-12
ไม่เห็นว่ามันจะย้อนแย้งตรงไหน มันเป็นเรื่องของเทคโนโลยี
ถ้าคนเลือกที่ใช้ ความเปลี่ยนแปลงเกิด สังคมก็ปรับตัวละทิ้งสิ่งเก่าไป
ตอนที่เรามีอินเตอร์เน็ทใช้ใหม่ๆ ลากยาวจนมาถึงทุกวันนี้ มีใครควบคุม, มีใครเป็นเจ้าของมัน 100% หรือเปล่า?
ก็เปล่า, เราเองก็ยังด่ารัฐบาล ด่าทรู ด่าดีแทค ผ่านอินเตอร์เน็ตกันทุกวี่วัน
แต่ทุกวันนี้ทุกคนก็ยังต้องปรับตัวเข้ากับอินเตอร์เน็ตอยู่ดี
เพราะมันเป็นพื้นฐานใหม่ในชีวิต, เพราะคนเลือกใช้มัน ไม่ว่ามันจะส่งผลเสียกับขาใหญ่ขาไหนก็ตาม
crypto อาจจะไม่ได้สำคัญมากขนาดอินเตอร์เน็ท ไม่ได้ปฏิวัติโลกขนาดนั้น แต่มันมีความเป็นไปได้
มันไม่ได้ย้อนแย้ง คุณไม่เข้าใจต่างหากครับ
***
36-13
นั่นเพราะคุณรู้จักแต่ BTC ครับ
คุณไม่ได้รู้จัก crypto currency ในภาพรวม
BTC น่ะ เป็นเหรียญที่โบราณที่สุด แลล้วประสิทธิภาพต่ำมาก ในบรรดา crypto ทั้งหมด
เหรียญที่โอนเร็วภายในไม่กี่นาที แล้วค่าโอนถูกเป็นน้ำเปล่า มีอีกหลายเหรียญเต็มไปหมดครับ
BTC มันใหญ่เพราะเป็นแค่ชื่อ และราคามันเป็นแค่ฟองสบู่
แต่ crypto ทั้งวงการนั้นไม่ใช่ครับ
***
36-15
ถูกครับ, คุณข้องใจต้องไหนเหรอ?
ทองก็เป็นทั้งสินทรัพย์ และก็(เคย)เป็นทั้งเงินเหมือนกัน
crypto (ที่พื้นฐานดี-ไม่เน่า) จะเป็นทั้ง 2 อย่างไม่ได้เหรอครับ?
***
36-16
ทุกวันนี้ crypto แทบทุกตัว ถูกเซ็ทไว้ว่าจะมีจำนวนจำกัดครับ
เมื่อถึงจุดที่มันเกิดเสถียรภาพ มันจะไม่เพิ่มจำนวนไปมากกว่านั้นอีก
ตัวที่มันผลิตเพิ่มได้ตามใจผู้ออกแบบนั้นก็มี, แต่ก็ไม่มีใครบังคับให้ไปใช้กันครับ
แล้วส่วนใหญ่ไปไม่รอดครับ ตอนนี้มีแค่ XRP ที่ไปรอด, เพราะธนาคารเป็นเจ้าของโดยตรง
***
36-17
คุณก็ยังจะเอาเรื่องนี้มาโจมตีอยู่นั่นแหละ
หาว่าผมไม่อ่าน ไม่อ่าน ของคุณอยู่นั่น
ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้พูดเรื่อง ความเป็น Decentralize ของ crypto ถ้าผมไม่ได้อ่านกระทู้คุณทั้งหมดก่อน?
คุณจะบ้าเหรอไง?
เรื่องรายได้ของรัฐ VAT มันไม่ใช่คำตอบเดียวที่คุณมีบนโลก
แต่ในเมื่อสินค้ายังมีการเปลี่ยนมือ ข้าวของจริงๆที่ใช้บนโลกมันยังหมุนเวียน ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
แล้วทำไมรัฐจะเก็บภาษีไม่ได้?
สมัยก่อน คนจ่ายเงินสดให้กัน ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่ผ่านแบงค์ รัฐไม่มีปัญญาจะรู้เห็นด้วย บัญชีก็ไม่ได้ใครมาตรวจสอบ
มันก็เก็บภาษีกันได้ไม่มีปัญหา
แค่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีให้เหมาะสมขึ้น มันไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถเลยครับ
ความคิดเห็นที่ 36-20
35-19
ผมแค่ไม่อยากอธิบายให้มันซับซ้อนครับ
มีแค่สหรัฐที่พิมพ์เงินได้ก็จริง
แต่สหรัฐไม่ได้พิมพ์ใช้เองอย่างเดียวนะครับ
ประเทศอื่นก็แค่ให้สหรัฐพิมพ์ให้ แล้วแลกมาเป็นตราของประเทศตัวเอง
สุดท้ายมันไม่ต่างกันครับ.
ลองฟังการอธิบายในวีดิโอนี้ดูครับ
https://www.youtube.com/watch?v=iFDe5kUUyT0
บางอย่างพูดดูเวอร์ไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วเข้าใจง่ายครับ
เรื่อง Crypto เป็นแค่สื่อกลางนั้นถูกครับ
แต่เปรียบกับหินนั่นก็เวอร์ไป
คุณแบ่งหินออกเป็นสัดส่วนเล็กๆตามที่ต้องการอย่างแม่นยำไม่ได้
คุณอยากได้หิน 0.027159 ก้อน มีใครแบ่งให้คุณได้เป๊ะๆมั้ย?
หิน 21ล้านก้อนนั้น มีแค่ 21ล้านก้อนจริงๆหรือเปล่า หรือมีมากกว่านั้น
มีคนทำหินก้อนนั้นซ้ำขึ้นมาได้หรือเปล่า?
คุณดูหินที่ไม่เต็มก้อน ก้อนหนึ่ง แล้วคุณรู้ได้เลยหรือเปล่าว่ามันคิดเป็น 0.[กี่ก้อน] ?
หินนั้นมันโอนถ่ายผ่านไปทั่วทุกมุมโลกได้สะดวกหรือเปล่า?
หรือว่าเราต้องหาคนมาขนมันไปให้อีกคน?
มันไม่ได้มีค่าในตัวเองแต่อย่างใด : ใช่ครับ, ก็เหมือนกับธนบัตรรัฐบาลนั่นแหละครับ.
เรายังใช้ธนบัตรกันได้ แล้วทำไมเราจะใช้ crypto ไม่ได้?
https://pantip.com/topic/37291349
ความคิดเห็นที่ 36
คุณหาข้อมูลมาพอสมควร พูดก็ครอบคลุมหลายอย่าง ทั้งๆที่มีความไม่ชอบใน crypto currency แบบนี้ น่าชื่นชม
แต่คุณกลับพลาดประเด็นสำคัญที่สุดที่ทำให้ crypto currency มีค่าไปเสียอย่างนั้น
คุณรู้จักวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ (ที่บ้านเราเรียกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์) ของสหรัฐอเมริกาใช่ไหม?
วิกฤตการทางเศรษฐกิจที่แบงค์ เอาเงินไปปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์มั่วซั่ว โดยอ้างว่าได้ดอกเบี้ยตอบแทนมั่นคง
คนแห่ไปลงทุนในเงินกู้อสังหาริมทรัพย์กันมหาศาล แบงค์รวยอื้อซ่าจากการสอดไส้อสังหาฯที่เป็นหนี้เน่าๆ
จนเมื่อถึงจุดหนึ่งนายแบงค์แต่ละคนรวยกันอื้อซ่า แต่ตัวแบงค์เองหาเงินจ่ายคืนประชาชนไม่ได้ เพราะหนี้เน่ามันมหาศาลจัดๆ
รัฐบาลก็ออกมาอุ้มแบงค์ด้วยวิธีการ 'พิมพ์ธนบัตร' ออกมาจ่ายหนี้ให้แบงค์กันดื้อๆ
พิมพ์เงินกระดาษเพิ่ม ทรัพยากรเท่าเดิม ขนาดเศรษฐกิจเท่าเดิม ความน่าเชื่อถือของธนบัตรมันต่ำลง
อำนาจของเงินมันก็ลดลง เงินที่อยู่ในมือประชาชนทั้งหมดก็ลดมูลค่าลง
คุณเห็นอะไรมั้ย?
ประชาชนโดนปล้น ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
แล้ววิกฤติสอดไส้อสังหาริมทรัพย์ครั้งนั้น แทบไม่มีใครโดนจับเข้าคุก
รัฐกับแบงค์ปล้นประชาชนกันหน้าด้านๆไง
ทุกวันนี้ เงินธนบัตรมันไม่ได้ถูกค้ำด้วยทองคำ คุณคงจะทราบ
มันถูกค้ำด้วยความเชื่อถือ และการที่มีคนยอมทำงานเพื่อแลกมัน
รัฐสามารถแย่งอำนาจของเงินไปจากมือประชาชนเมื่อไหร่ก็ได้ด้วยการพิมพ์เงินออกมา
เพราะเราไม่สามารถ 'เสก' ทรัพยากรออกมาได้เหมือนเงิน
การที่มีเงินมากขึ้น มูลค่าของเงินมันก็ลดลง
ถ้าคุณใช้เงินของรัฐ รัฐก็ปล้นคุณได้
แล้วปัญหา รัฐ ปล้นประชาชน นี้ไม่ได้พูดกันเล่นๆ มันเคยเกิดขึ้นจริงแล้ว
ดูอย่างในประเทศซิมบับเว หรือเวเนซูเอล่าก็ได้ นั่นคือเคส extreme ที่รัฐพิมพ์เงินออกมามหาศาล
จนเงินตัวเองไม่มีค่า ประชาชนแทบไม่สามารถสะสมทรัพสินย์ของตัวเองได้เลย
เพราะมูลค่าของเงินนั้นลดลงฮวบฮาบตลอดเวลา.
ในระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่นี้
คุณจะเห็นว่าเงินทุกวันนี้มันเป็นแค่กระดาษ
หรือไม่ก็แค่ตัวเลขในคอมพิวเตอร์(ของธนาคาร) แค่นั้นจริงๆ
ถ้าคุณลองคิดดีๆอีกที จริงๆแล้ว เงินมันแค่สื่อกลางการแลกเปลี่ยน, เงินมันจะเป็นอะไรก็ได้
ขอแค่แลกเปลี่ยนได้ และมีคนยอมทำงานเพื่อแลกมันมา มันก็มีคุณสมบัติเป็นเงินได้
**
วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ แดงออกมาในช่วงเดือน กันยายน ปี 2008
Bitcoin ถือกำเนิดขึ้นมาในเดือน มกราคม ปี 2009, ในเวลา 5 เดือนถัดมา
พอจะเข้าใจหรือยังครับ?
ความคิดเห็นที่ 36-2
ใช่ครับ คุณสะสมความมั่งคั่งด้วยอะไรก็ได้ที่มีตัวตนอยู่จริง (ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีด้วย)
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ถ้าในเมื่อทุกวันนี้ยังมีคนสะสมความมั่งคั่งด้วยเงินกระดาษอยู่
หาก cryptocurrency เติบโตและมีเสถียรภาพแล้ว, คนกลุ่มนั้นก็สามารถสะสมเงินใน cryptocurrency ได้แทน, แต่มีความปลอดภัยจากรัฐบาลตัวเองมากกว่า เพราะไม่สามารถถูกควบคุมได้โดยกลุ่มคนใด
ถ้าคุณจะเปรียบเทียบเรื่องปล้นเป็นอย่างนั้น
งั้นตลาดหุ้นมันก็คือคนปล้นกันทั้งตลาด มีโบรกเกอร์เป็นหัวหน้าแก๊งน่ะสิ
การที่มูลค่า crypto ในทุกวันนี้วิ่งขึ้นลง และ มีคนได้เงินมีคนเสียเงิน
มันไม่เหมือนกับการโดนปล้น เพราะผู้ซื้อขาย เลือกจะรับความเสี่ยงเองโดยรู้อยู่ก่อน
ไม่ได้ถูกหลอกลวง หรือถูกมัดมือชกเหมือนกับชาวอเมริกันในวิกฤติซับไพรม์
มันคือสินทรัพย์ตัวหนึ่งไม่ต่างจากหุ้นนั่นแหละ
หุ้นพื้นฐานดีดีก็มี หุ้นพื้นฐานต่ำๆ ปั่นกันหน้ามืดหน้าดำมันก็มี
crypto มันก็มีที่พื้นฐานดี มีศักยภาพในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ได้จริง
แล้วก็มีตัวห่วยๆ สร้างมาปั่นทำกำไรเหมือนกัน.
ความคิดเห็นที่ 36-6
คุณอย่าจับข้อสรุปของคุณมายัดใส่ปากผมสิครับ
ผมไม่ได้บอกว่าระบบของ รัฐ นั้นไม่จำเป็น
มันยังคงเป็นสิ่งที่ต้องมีร่วมกันอยู่ และปรับตัวเปลี่ยนแปลงกันไป
ก่อนหน้านี้ นักร้อง ร้องเพลงมีรายได้ผ่านหลัก การขายเทป ขายแผ่นเสียง กับเวทีคอนเสิร์ทอีกนิดหน่อย
สมัยนี้เทคโนโลยี อินเตอร์เน็ท, การถ่ายทอดออนไลน์ มันมาแทนที่
รายได้จากการขายของมันก็หายไป นักร้องก็ปรับตัวหาทางอยู่กันใหม่ เริ่มเล่นคอนเสิร์ทมากขึ้น ขายสินค้าสะสมมากขึ้น
แต่ไม่ได้สูญพันธุ์จบสิ้นกันไปไหน
เพราะมนุษย์ยังต้องการฟังเพลงกันอยู่.
คล้ายกันครับ, หาก crypto currency เติบโตแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าระบบรัฐจะพินาศ
ค่าเงินของรัฐ ระบบสังคมของเรา เรายังต้องการมันอยู่
มันจะไม่ได้ตายจากไปไหน มันแค่จะลดบทบาทลง คอยผสมผสานกับสิ่งที่ crypto ทำไม่ได้
และเราก็แค่ต้องปรับตัวกันไป.
ความคิดเห็นที่ 36-7
36-4 พื้นฐานของมันคือ 'การเป็นสิ่งที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลอื่นได้ โดยไม่ถูกควบคุมโดยบุคคลกลุ่มใด'
มันเกิดขึ้นมาเพื่อเป็น เงิน
มูลค่าของมัน ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือ และระดับศักยภาพที่จะใช้แลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ได้
ใช่, มันตลก, มันไม่มีผลประกอบการ มันเป็นอากาศ มันจับต้องไม่ได้.
คนยังกินข้าว ไม่ได้กิน crypto
แต่จะบอกว่ามันไร้สาระหรือไม่.. คุณต้องเข้าใจระบบเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน
เมื่อก่อน เงิน ที่แท้จริงคือ ทองคำ
ธนบัตร คือ ตั๋วแลกทองคำ ที่คุณจะเอาไปแลก เงิน ที่แท้จริงของคุณคืนเมื่อไหร่ก็ได้
รัฐบาลจะพิมพ์ธนบัตร ต้องอ้างอิงมูลค่าจากทองคำที่ตัวเองมี
ธนบัตรทั้งหมดของรัฐบาล จะมีค่าเท่ากับทองคำที่ตัวเองมีเสมอ ไม่ว่าจะพิมพ์ออกมาเท่าไหร่ก็ตาม
แต่ทุกวันนี้ ธนบัตร ไม่ได้ผูกกับสิ่งใด, เป็นเพียงความเชื่อถือ (ผมไม่ได้พูดเล่น)
มีมูลค่า เพราะคน ยอมรับ ว่ามันใช้แลกเปลี่ยนได้
มูลค่าของมันถูกยืนยันด้วยการที่ พวกเราทั้งหลาย ยอมทำงาน เพื่อแลกกับมัน
ตัวมันเองจริงๆไม่ได้มีค่าอะไรเลย
แต่คนก็ยังให้ค่ามันได้
ด้วยหลักการเดียวกันนั้น crypto currency เอง จึงสามารถเป็น เงิน ได้เหมือนกัน
มันเติบโตขึ้นทุกวันนี้ เพราะมัน เริ่มจาก(เน้น) การที่มันมีคุณสมบัตรพื้นฐานของเงินอย่างครบถ้วน
ได้แก่ 1.แลกเปลี่ยนได้ 2.แบ่งแยกได้ 3.มีความเหมือนกันในทุกหน่วย 4.มีจำนวนจำกัด(ข้อนี้ เงินธนบัตรไม่มีด้วยซ้ำ)
บวกกับการที่มัน ไม่สามารถถูกควบคุมได้ ผู้ถือครองจึงสามารถมั่นใจได้ว่ามันปลอดภัย
ส่วนมูลค่าในทุกวันนี้ ก็ต้องพูดกันตามตรงว่ามันเป็นฟองสบู่
มันเติบโตรวดเร็วเกินไป ในขณะที่โลกของเรา ยังสร้างพื้นฐาน/ความยอมรับ ที่จะแลกเปลี่ยนมันเป็นสินทรัพย์จริง ให้มันไม่ทัน
และผมก็จะยอมรับว่าทุกวันนี้ผมซื้อขาย crypto เพราะผมอยากได้เงิน
อุดมการณ์ และ หลักการที่อธิบายไปนั้น เป็น 'ปัจจัยการตัดสินใจ' ของผม ที่รับรองว่ามันจะไม่สูญเปล่าไปได้โดยง่าย
ผมไม่มีความผูกพันธ์ทางอารมณ์ใดใดกับ crypto currency
ผมรู้ความเสี่ยงที่มันจะพังทลายลง และผมเลือกที่จะเสี่ยง
..หวังว่าจะตอบคำถามคุณได้
ความคิดเห็นที่ 36-10
36-8
ผมอ่านครับ
สิ่งที่คุณพูดนั้นมันไม่จริงต่างหาก
คุณสรุปโดยมองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่สังคมเราจะปรับตัว
เมื่อก่อน ตอนคนเริ่มโหลดเพลง/หนัง/การ์ตูน ผ่านอินเตอร์เน็ทได้ เขาก็พูดแบบคุณนี่แหละครับ
ศิลปินจะตายห่.ากันหมด
แต่มันก็ยังอยู่กันได้ด้วยการปรับตัว (แต่แน่นอนว่ามีความลำบาก ข้อดี-ข้อเสีย)
สมัยก่อน ทาส ก็เป็นโครงสร้างพื้นฐานของสังคม
เป็นแรงงาน เป็นกรรมกร เป็นพลเมืองที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบ
คนอย่างคุณ หลุดไปอยู่ในสมัยนั้นก็คงเป็นคนที่ต่อต้านการเลิกทาส โดยให้ว่ามันจะทำให้ 'รัฐพังพินาศ' นั่นแหละครับ
คุณคิดว่าประชาชนทุกคน - ทั้งผมและคุณ - จะโง่ มองไม่เห็นหรือครับว่าใครเป็นคนสร้างถนน ต่อสายไฟฟ้า และ คอยจับโจร?
เราสามารถมีระบบการจัดการการเงินในสังคมใหม่ได้อีกหลายรูปแบบ ที่ยังสามารถค้ำชูรัฐบาลได้
ตอนนี้ใจของคุณไม่เปิดกว้างที่จะคิดหาทางให้มัน เพราะคุณไม่ชอบมันมากกว่าครับ
ความคิดเห็นที่ 36-18
36-12
ไม่เห็นว่ามันจะย้อนแย้งตรงไหน มันเป็นเรื่องของเทคโนโลยี
ถ้าคนเลือกที่ใช้ ความเปลี่ยนแปลงเกิด สังคมก็ปรับตัวละทิ้งสิ่งเก่าไป
ตอนที่เรามีอินเตอร์เน็ทใช้ใหม่ๆ ลากยาวจนมาถึงทุกวันนี้ มีใครควบคุม, มีใครเป็นเจ้าของมัน 100% หรือเปล่า?
ก็เปล่า, เราเองก็ยังด่ารัฐบาล ด่าทรู ด่าดีแทค ผ่านอินเตอร์เน็ตกันทุกวี่วัน
แต่ทุกวันนี้ทุกคนก็ยังต้องปรับตัวเข้ากับอินเตอร์เน็ตอยู่ดี
เพราะมันเป็นพื้นฐานใหม่ในชีวิต, เพราะคนเลือกใช้มัน ไม่ว่ามันจะส่งผลเสียกับขาใหญ่ขาไหนก็ตาม
crypto อาจจะไม่ได้สำคัญมากขนาดอินเตอร์เน็ท ไม่ได้ปฏิวัติโลกขนาดนั้น แต่มันมีความเป็นไปได้
มันไม่ได้ย้อนแย้ง คุณไม่เข้าใจต่างหากครับ
***
36-13
นั่นเพราะคุณรู้จักแต่ BTC ครับ
คุณไม่ได้รู้จัก crypto currency ในภาพรวม
BTC น่ะ เป็นเหรียญที่โบราณที่สุด แลล้วประสิทธิภาพต่ำมาก ในบรรดา crypto ทั้งหมด
เหรียญที่โอนเร็วภายในไม่กี่นาที แล้วค่าโอนถูกเป็นน้ำเปล่า มีอีกหลายเหรียญเต็มไปหมดครับ
BTC มันใหญ่เพราะเป็นแค่ชื่อ และราคามันเป็นแค่ฟองสบู่
แต่ crypto ทั้งวงการนั้นไม่ใช่ครับ
***
36-15
ถูกครับ, คุณข้องใจต้องไหนเหรอ?
ทองก็เป็นทั้งสินทรัพย์ และก็(เคย)เป็นทั้งเงินเหมือนกัน
crypto (ที่พื้นฐานดี-ไม่เน่า) จะเป็นทั้ง 2 อย่างไม่ได้เหรอครับ?
***
36-16
ทุกวันนี้ crypto แทบทุกตัว ถูกเซ็ทไว้ว่าจะมีจำนวนจำกัดครับ
เมื่อถึงจุดที่มันเกิดเสถียรภาพ มันจะไม่เพิ่มจำนวนไปมากกว่านั้นอีก
ตัวที่มันผลิตเพิ่มได้ตามใจผู้ออกแบบนั้นก็มี, แต่ก็ไม่มีใครบังคับให้ไปใช้กันครับ
แล้วส่วนใหญ่ไปไม่รอดครับ ตอนนี้มีแค่ XRP ที่ไปรอด, เพราะธนาคารเป็นเจ้าของโดยตรง
***
36-17
คุณก็ยังจะเอาเรื่องนี้มาโจมตีอยู่นั่นแหละ
หาว่าผมไม่อ่าน ไม่อ่าน ของคุณอยู่นั่น
ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้พูดเรื่อง ความเป็น Decentralize ของ crypto ถ้าผมไม่ได้อ่านกระทู้คุณทั้งหมดก่อน?
คุณจะบ้าเหรอไง?
เรื่องรายได้ของรัฐ VAT มันไม่ใช่คำตอบเดียวที่คุณมีบนโลก
แต่ในเมื่อสินค้ายังมีการเปลี่ยนมือ ข้าวของจริงๆที่ใช้บนโลกมันยังหมุนเวียน ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
แล้วทำไมรัฐจะเก็บภาษีไม่ได้?
สมัยก่อน คนจ่ายเงินสดให้กัน ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่ผ่านแบงค์ รัฐไม่มีปัญญาจะรู้เห็นด้วย บัญชีก็ไม่ได้ใครมาตรวจสอบ
มันก็เก็บภาษีกันได้ไม่มีปัญหา
แค่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีให้เหมาะสมขึ้น มันไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถเลยครับ
ความคิดเห็นที่ 36-20
35-19
ผมแค่ไม่อยากอธิบายให้มันซับซ้อนครับ
มีแค่สหรัฐที่พิมพ์เงินได้ก็จริง
แต่สหรัฐไม่ได้พิมพ์ใช้เองอย่างเดียวนะครับ
ประเทศอื่นก็แค่ให้สหรัฐพิมพ์ให้ แล้วแลกมาเป็นตราของประเทศตัวเอง
สุดท้ายมันไม่ต่างกันครับ.
ลองฟังการอธิบายในวีดิโอนี้ดูครับ
https://www.youtube.com/watch?v=iFDe5kUUyT0
บางอย่างพูดดูเวอร์ไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วเข้าใจง่ายครับ
เรื่อง Crypto เป็นแค่สื่อกลางนั้นถูกครับ
แต่เปรียบกับหินนั่นก็เวอร์ไป
คุณแบ่งหินออกเป็นสัดส่วนเล็กๆตามที่ต้องการอย่างแม่นยำไม่ได้
คุณอยากได้หิน 0.027159 ก้อน มีใครแบ่งให้คุณได้เป๊ะๆมั้ย?
หิน 21ล้านก้อนนั้น มีแค่ 21ล้านก้อนจริงๆหรือเปล่า หรือมีมากกว่านั้น
มีคนทำหินก้อนนั้นซ้ำขึ้นมาได้หรือเปล่า?
คุณดูหินที่ไม่เต็มก้อน ก้อนหนึ่ง แล้วคุณรู้ได้เลยหรือเปล่าว่ามันคิดเป็น 0.[กี่ก้อน] ?
หินนั้นมันโอนถ่ายผ่านไปทั่วทุกมุมโลกได้สะดวกหรือเปล่า?
หรือว่าเราต้องหาคนมาขนมันไปให้อีกคน?
มันไม่ได้มีค่าในตัวเองแต่อย่างใด : ใช่ครับ, ก็เหมือนกับธนบัตรรัฐบาลนั่นแหละครับ.
เรายังใช้ธนบัตรกันได้ แล้วทำไมเราจะใช้ crypto ไม่ได้?
คุณต้องการเงินกู้หรือไม่ เราเป็นผู้ให้กู้ตามกฎหมายและเป็นผู้ค้ำประกัน เราเป็น บริษัท ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เราให้เงินกู้ยืมแก่บุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินที่มีเครดิตไม่ดีหรือต้องการเงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในการลงทุนในธุรกิจ ฉันต้องการใช้สื่อนี้เพื่อแจ้งให้คุณทราบว่าเราให้ความช่วยเหลือแก่ผู้รับผลประโยชน์อย่างน่าเชื่อถือเนื่องจากเรายินดีที่จะเสนอเงินกู้แก่คุณ กรุณาติดต่อเราโดยตรงทาง: woodgatecredit@outlook.com
ตอบลบรับเงินกู้วันนี้ด้วยอัตราที่ต่ำตอนนี้สินเชื่อจะได้รับในอัตรา 2% ที่ใช้ตอนนี้สิ่งนี้สามารถเพิ่มธุรกิจของคุณให้สูงยิ่งขึ้น เรากำลังเสนอสินเชื่อเพื่อธุรกิจและบุคคลส่วนบุคคลหากคุณต้องการสินเชื่อเพื่อเริ่มธุรกิจหรือสินเชื่อเพื่อชำระค่าใช้จ่ายติดต่อเราผ่านทาง (georgeanderson.loanfirm255@gmail.com) ตอนนี้และรับเงินกู้จาก บริษัท ของเรา ... ฉันให้บริการสินเชื่อที่ดีที่สุด
ตอบลบข้อเสนอเงินกู้.
วันที่ดีฉันเป็นผู้ให้กู้เอกชนฉันให้สินเชื่อธุรกิจการค้ำประกันสินเชื่อส่วนบุคคลสินเชื่อซื้อบ้านสินเชื่อรถยนต์ ฯลฯ ฉันให้เงินกู้ระยะยาวตั้งแต่ $ 2,000 ถึง $ 100,000,000.00 จากหนึ่งถึงห้าสิบปีสูงสุดอัตราดอกเบี้ย 2% ผู้สมัครที่สนใจ ควรอีเมล: (georgeanderson.loanfirm255@gmail.com)
ตอบลบสวัสดี!
ตอบลบคุณต้องการเงินกู้หรือไม่? ฉันเป็นผู้ให้กู้ที่ลงทะเบียนและเชื่อถือได้ฉันให้เงินกู้แก่ผู้ที่ประสบปัญหาทางการเงินผู้ที่พยายามชำระค่าเล่าเรียนผู้ที่พยายามซื้อรถยนต์หรือเริ่มธุรกิจของตนเองผู้รับเหมาและหน่วยงานของรัฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือใบสมัครสินเชื่อติดต่อเราทางอีเมล: thompson.loanservice@gmail.com
การจัดการ
ติดต่อเครดิตรวดเร็วตอนนี้ !!!